โกลเด้น รีทริฟเวอร์ (Golden Retriever) ด้วยขนาดตัวที่พอเหมาะ สายตาที่อ่อนโยน เป็นมิตร ร่าเริง ขนสีทองอร่าม และหางเป็นแพคล้ายขนนกที่แกว่งไปมาตลอดเวลา บทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ในทุกแง่มุม ทั้งภาพรวมของสายพันธุ์ และเคล็ดลับในการดูแลสุขภาพ และกิจกรรมที่เหมาะสม
โกลเด้น รีทริฟเวอร์ ประวัติ
โกลเด้น รีทริฟเวอร์ แท้จริงแล้วหมาโกลเด้นไม่ได้ถูกเลี้ยงเป็นสุนัขครอบครัวมาตั้งแต่ต้นกำเนิด ย้อนกลับไปในสมัยคริสต์ศตววรษที่ 18 ณ ประเทศสกอตแลนด์ เมือง Guisachan ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นเพื่อเป็นสุนัขล่านกและพื้นที่ทางน้ำ โดยในปีค.ศ. 1903 พวกมันได้รับการจดทะเบียนโดย The Kennel Club of England ด้วยชื่อเดิม “แฟลท โคท โกลเด้น” (Flat Coats – Golden) และได้รับความนิยมเป็นอย่างล้นหลามในปี ค.ศ. 1913 ที่ Golden Retriever Club ถูกก่อตั้งขึ้นและถือเป็นการเปลี่ยนเป็นชื่อสายพันธุ์ “โกลเด้น รีทริฟเวอร์” อย่างเป็นทางการ
ปัจจุบันเจ้าหมาโกลเด้นติด 5 อันดับสายพันธุ์ยอดนิยมของประเทศอเมริกามายาวนานกว่าหลายสิบปี (จัดอันดับโดย American Kennel Club) รวมถึงปัจจุบันคนไทยก็นิยมเลี้ยงพวกมันอย่างล้นหลามอีกด้วย
ลักษณะนิสัยและลักษณะที่ดีของโกลเด้น
โกลเด้น รีทริฟเวอร์ เป็นสุนัขสายพันธุ์ที่มีนิสัยเป็นมิตร ใจดี และร่าเริงติดอันดับต้นๆ ของโลกเมื่อเทียบกับหมาสายพันธุ์อื่นๆ พวกมันจึงเป็นสุนัขบำบัดชั้นยอด แต่ว่าพวกมันไม่ใช่สุนัขเฝ้ายามที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือคนคุ้นเคย เมื่อได้พบเจอแล้ว มันจะตื่นเต้นและวิ่งเข้าไปรับแขกด้วยความเป็นมิตรสุดๆ และด้วยความที่สายพันธุ์โกลเด้นถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อการล่าสัตว์ พวกมันจึงเป็นเป็นสุนัขที่พลังงานเยอะ แอคทีฟ รวมถึงมีนิสัยชอบกัดแทะสิ่งต่างๆ
แม้ภายนอกจะดูเฟรนด์ลี่ เป็นมิตรกับทุกคน และแสดงออกอย่างไม่ค่อยระมัดระวังแล้ว ในทางกลับกัน โกลเด้นเป็นสุนัขที่ฉลาดและตอบสนองต่อการฝึกเลี้ยงได้ดีมาก โดย Stanley Coren ศาตรจารย์ด้านจิตวิทยาสุนัขได้เขียนในหนังสือ The Intelligence of Dogs ไว้ว่าสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ มีความฉลาดอันดับ 4 เมื่อเทียบกับสายพันธุ์ทั้งหมด ดังนั้น นอกจากจะเป็นสุนัขครอบครัวแล้ว พวกมันยังถูกฝึกเลี้ยงไปใช้งานบ่อยๆ เช่น สุนัขช่วยเหลือผู้พิการทางสายตา สุนัขตรวจค้นยา หรือสุนัขค้นหาและกู้ภัย
ลักษณะที่ดีของโกลเด้น รีทริฟเวอร์
เมื่อเลือกซื้อสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์สิ่งที่คือต้องสังเกตุอันดับแรกๆ คืออุปนิสัยของมัน โดยมาตรฐานแล้วหมาโกลเด้นทุกตัว จะมีอุปนิสัยร่าเริง กระฉับกระเฉง ขี้เล่น ไม่หงอยเหงาเศร้าซึม แต่ถ้าพวกมันแสดงออกอย่างก้าวร้าวต่อสัตว์ตัวอื่นๆ หรือต่อผู้คนโดยไม่มีเหตุผล ถือว่าเป็นนิสัยที่บกพร่อง ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานสายพันธุ์
สิ่งสำคัญต่อมา คือคุณลักษณะ โปรดจำไว้เสมอว่า ถึงแม้ว่าสุนัขบางตัวอาจจะมีหน้าตาที่ไม่ถูกใจเรา แต่ถ้ามันมีคุณลักษณะทางกายภาพที่ดี ผ่านตามมาตรฐาน พวกมันก็จะโตไปเป็นหมาที่นิสัยดี แข็งแรงและมีความรักให้กับเจ้าของได้อย่างไม่มีวันหมดเหมือนกันทุกตัว โดยคุณลักษณะของโกลเด้นที่ต้องเช็คคือสิ่งเหล่านี้
-
ขาหน้าต้องตรง ขาหลังไม่แบะหรือกางออก นิ้วเท้าหน้าหลังจะต้องชี้ไปข้างหน้า เพราะถ้าลูกสุนัขตัวไหนเดินขาแบะออก ในอนาคตอาจจะพิการได้
-
ใบหูต้องไม่อับชื้น แห้ง สะอาดไม่มีกลิ่นเหม็นและรอยแผล จมูกต้องเย็น ชื้น แต่ไม่มีน้ำมูก
-
ลิ้นและเหงือกสีชมพู เขี้ยวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
-
ขนเงานุ่ม ผิวหนังลื่นไม่ขรุขระ ไม่มีรอยแผล หรือตุ่มฝุ่นดำๆ ซึ่งเป็นไข่ของเห็บและหมัด
-
ดวงตาสดใส เป็นประกาย ไม่มีขี้ตาหรือคราบน้ำตาเกาะ
-
น้ำหนักตัวเหมาะสมกับช่วงอายุ โดยปกติแล้ว การเลือกซื้อสุนัขทีดีที่สุด คือมีอายุ 2 เดือนขึ้นไป และโกลเด้นช่วงอายุ 2 เดือน จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 5-7 กิโลกรัม
ในส่วนของสีขน ตามมาตรฐานของ American Kennel Club (AKC) ระบุไว้ว่า หมาโกลเด้นจะมีขนนวล เฉดสีทอง ไล่ตั้งแต่สีทองอ่อนจนสีทองเข้มเท่านั้น โดยยิ่งเมื่อพวกมันโตขึ้น สีขนก็จะเข้มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นความเชื่อที่ว่าโกลเด้น รีทริฟเวอร์มีหลายสี ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ เป็นความเชื่อที่ผิด และสีขนที่อ่อนเกินไปหรือเข้มเกินไป จะไม่ได้รับการยอมรับตามมาตรฐาน ยกตัวอย่างเช่น สีขาวบริสุทธิ์ (Pure White) สีแดง (Red) และสีดำ ส่วนสีครีมยังคงเป็นที่ยอมรับได้ใน Kennel Club (UK) ซึ่งสีพิเศษเหล่านี้อาจจะมาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ เช่น ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)
โรคที่ต้องระวังในสุนัขสายพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์
ด้วยความนิยมอย่างท้วมท้น ณ ปัจจุบันมีฟาร์มเพาะพันธุ์มากมาย และผลจากการผสมพันธุ์แบบผิดๆ เพื่อหวังแต่กำไรส่งผลให้เจ้าหมาโกลเด้นหลายตัวมีปัญหาสุขภาพที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากพ่อแม่อยู่เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็น
- โรคข้อสะโพกเสื่อม(Hip Dysplasia)
ซึ่งพบได้บ่อยได้หมู่สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ โดยข้อสะโพกเจริญผิดปกติ ทำให้ข้อต่อมีรูปร่างและการเคลื่อนผิดปกติ นำไปสู่การอักเสบในระยะยาว โดยสุนัขมักแสดงอาการเจ็บเมื่อลุกขึ้นยืน
- โรคต่อมไทรอยด์ผิดปกติ (Hypothyroidism)
ถึงแม้รูปร่างภายนอกจะดูอ้วนท้วมขึ้น เป็นสัญลักษณ์ของการกินดีอยู่ดี แต่ถ้าพวกมันน้ำหนักขึ้นผิดปกติจนเกินไป และมีสภาวะเชื่องซึม อ่อนแอ ให้ลองสังเกตอาการดีๆ เพราะมันเป็นอาการเบื้องต้นของโรคต่อมไทรอยด์ผิดปกติ มาจากความผิดปกติของภูมิคุ้มกันที่ทำร้ายต่อมไร้ท่อ
- โรคภูมิแพ้
สุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ส่วนมาก มักมีผิวหนังที่บอบบางและอ่อนแอ ซึ่งอาจจะมาจากสภาพการเลี้ยงดู อาหารการกินต่างๆ จนทำให้พวกมันเกิดอาการคันอย่างหนัก และเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางผิวหนังได้
- โรคมะเร็ง
ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับต้นๆ ของเจ้าหมาโกลเด้น รีทริฟเวอร์ โดยมะเร็งที่พบบ่อยสุดคือ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphosarcoma), มะเร็งกระดูกชนิด osteosarcoma, มะเร็งในหลอดเลือด (Hemangiosarcoma), และมะเร็งผิวหนังชนิด Mast cell tumor
อาหารที่เหมาะสำหรับโกลเด้น รีทริฟเวอร์
ถึงแม้ว่าสายพันธุ์นี้ ไม่ต้องการการบำรุงรักษามากมายนัก การเลือกอาหารการกินที่เหมาะสมก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญและขาดไม่ได้อยู่ดี ด้วยปริมาณที่เหมาะสมและโภชนการที่ครบถ้วน เจ้าหมาโกลเด้น รีทริฟเวอร์ก็จะแข็งแรง ไม่เสี่ยงต่อภาวะอ้วน และมีสุขภาพที่ดีไปทุกช่วงอายุ
- อาหารที่เหมาะกับลูกสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ ช่วงอายุ 1-3 เดือน
หลังจากหย่านมแม่ได้ ก็ควรให้เริ่มฝึกกินอาหารสำเร็จรูปได้เลย โดยให้ผสมกับนมอุ่นๆ เพื่อให้เคี้ยวและย่อยง่าย และจะต้องเป็นนมสำหรับลูกสุนัขโดยเฉพาะเท่านั้น เมื่อโตขึ้นให้ลดปริมาณนมอุ่นที่ผสมได้เพราะฟันเริ่มแข็งแรงแล้ว และที่สำคัญ ลูกโกลเด้นต้องการสารอาหารในการเจริญเติบโตอย่างมาก จึงควรแบ่งอาหารเป็น 3-4 มื้อต่อวัน ประมาณ 10% ของน้ำหนักตัว ไม่ควรให้กินทีเดียวในปริมาณมากๆ เพราะจะทำให้ลงพุงและท้องอืดได้
- อาหารที่เหมาะกับสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ โตเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป
ก่อนจะอายุครบ 1 ปี (ประมาณ 7-10 เดือน) ให้ลดอาหารเป็น 2 มื้อต่อวันและให้กินอาหารเม็ดแบบไม่ต้องผสมได้แล้ว โดยเมื่ออายุครบ 1 ปีบริบูรณ์ จึงจะสามารถลดเหลือ 1 มื้อต่อวันได้ ขึ้นอยู่กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ถ้าพาไปออกกำลังกาย อาจจะมีการให้รางวัลเป็นขนมเพื่อบริหารเคี้ยวฟัน หรือให้อาหารเพิ่มอีก 1 มื้อได้ในปริมาณที่น้อยลง และควรมีโปรตีนอยู่ที่ประมาณ 23% – 26%
- อาหารที่เหมาะกับสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์ สูงวัย อายุ 7 ปีขึ้นไป
ด้วยความที่ระบบเผาผลาญทำงานได้ไม่ดีเท่าช่วงวัยรุ่น สารอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลควรลด และให้โปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมและง่ายต่อการย่อยมากขึ้น
วิธีการดูแลสุนัขโกลเด้น รีทริฟเวอร์
- การดูแลลูกสุนัขช่วงอายุ 1-3 เดือน
เพราะยังอยู่ในที่เติบโตไม่เต็มวัย และอยู่ในช่วงหัดเคลื่อนไหวให้คล่องตัว เหล่าคุณพ่อคุณแม่ของลูกหมาโกลเด้นควรเอาใจใส่ในลักษณะท่าทาง การเดินของลูกหมาให้มากๆ ถ้าพบว่ามีท่าเดินที่แปลกประหลาด ขาแบะเป็นเป็ด ให้พาไปพบหมอทันที เพื่อป้องกันสภาวะโรคข้อต่อเสื่อมในอนาคต และสร้างพื้นที่อาณาเขต สำหรับที่กิน เดิน นอน และขับถ่ายในบ้านให้ชัดเจน เพื่อให้เกิดความเคยชิน
- การดูแลสุนัขเต็มวัย อายุ 1 ปีขึ้นไป
เมื่อสุนัขโกลเด้นโตเต็มวัย ความต้องการด้านสารอาหารจะน้อยลงกว่าวัยเด็ก ดังนั้นนอกจากการลดปริมาณมื้ออาหารแล้ว ควรพาพวกมันไปออกกำลังกาย เดินเล่นอย่างน้อยวันละ 15-30 นาที หรือแบ่งเวลาเล่นกับมันวันละ 5-10 นาทีให้พวกมันได้เคลื่อนไหว ขยับร่างกายบ้าง ที่สำคัญต้องหมั่นแปรงขนอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง เพื่อป้องกันขนร่วง เพราะสุนัขพันธุ์นี้มีการผลัดขน 1-2 ครั้งในทุกๆ ปี
ราคาหมาพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์
เมื่อคุณคิดว่าหมาพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์คือหมาพันธุ์ที่ใช่แล้ว มาดูเรื่องราคากันดีกว่าราคาสำหรับสุนัขสายพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์ จะขึ้นอยู่กับคุณภาพของพ่อและแม่พันธุ์ของพวกมันส่วนมากอยู่ที่ช่วงราคา 5,000 – 60,000 บาทสำหรับคนที่ตัดสินใจแล้วว่าต้องการที่จะเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้
หลังจากได้ทำความรู้จักเจ้าโกลเด้น รีทริฟเวอร์แล้ว นอกจากได้รู้ลักษณะนิสัย ที่มาของหมาโกลเด้นแล้ว และการเตรียมความพร้อมที่จะมีพวกมันเป็นสมาชิกใหม่ในบ้าน ทั้งเรื่องความเป็นอยู่ และอาหารการกิน โดยคุณพ่อคุณแม่น้องหมาโกลเด้นควรให้ความสำคัญกับปริมาณและโภชนาการอาหารที่เหมาะสม อาหารที่อุดมไปด้วยส่วนผสมที่ดีต่อสุนัขพันธุ์โกลเด้น รีทริฟเวอร์
เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง
- สุนัขปอมเมอเรเนียน สุนัขพันธุ์เล็กน่ารักน่าเลี้ยง
- ท่านอนแมว แต่ละท่าบอกอะไรได้บ้าง และวิธีอ่านใจแมวจากท่านอน
- ปลาหมอสี วิธีการเลี้ยง ลักษณะนิสัย และการให้อาหาร
- สุนัขชอบกัดรองเท้า ทำยังไงดี
ที่มาของบทความ
- https://www.yorapetfoods.in.th
- https://www.purina.co.th
- https://www.pexels.com/14084426
- https://www.pexels.com/92380
- https://www.istockphoto.com